22:00 น. พร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาเตอร์สายการบินเอมิเรตส์ (EK) เจ้าหน้าที่จาก บริษัทฯ จะคอยต้อนรับและอํานวยความสะดวกให้ท่านก่อนขึ้นเครื่อง
01:05 น. ออกเดินทางสู่ เมืองมิลาน (MILAN) ประเทศอิตาลี โดย สายการบินเอมิเรตส์เที่ยวบินที่ EK385/EK205
*แวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองดูไบ : 0500-0905
13:10 น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึง สนามบินเมืองมิลาน (MILAN) ประเทศอิตาลีเมืองเศรษฐกิจของประเทศอิตาลี... ...หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อยแล้ว
นําท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก…เพื่ออิสระพักผ่อนตาม อัธยาศัย ...
ที่พัก IDEA HOTEL MILANO MALPENSA AIRPORT หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นําท่าน ถ่ายรูปกับความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารดูโอโม่ (DUOMO DI MILANO) สัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมือง ซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร สร้างขึ้นด้วย หินอ่อนสีขาวในศิลปะแบบโกธิคใช้เวลาสร้างนานกว่า 500 ปีปัจจุบันเป็น โบสถ์แคธอล์ลิกที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกและเป็นมหาวิหารใหญ่อันดับ 4 ของโลก … อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตาม อัธยาศัย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมืองโบลซาโน (BOLZANO) (290 กม.) เป็นประตูสู่อุทยานแห่งชาติโดโลไมท์โบลซาโนเป็น เมืองหลวงของภูมิภาคทีโรลใต้ (SOUTH TYROL) ซึ่งล้อมรอบด้วยแม่นํ้า ที่นี่แม่นํ้า TALVERA จะไหลลงไปใน แม่นํ้า ISRACO และมารวมกันเป็นแม่นํ้า ADIGE เนินเขาที่เป็นป่าทุ่งหญ้า ไร่องุ่นและเทือกเขา DOLOMITES ในทางทิศตะวันออกนั้นเหมาะกับการพักผ่อนแบบผ่อนคลายอย่างยิ่ง เมืองโบลซาโนรู้จักกันทั่วไปเมื่อครั้งที่ NATIONAL GEOGRAPHIC ไปถ่ายทําสารคดี การค้นพบซากมนุษย์ที่ฝั่งอยู่ใต้หิมะบนยอดเขาสูงใน แคว้นทีโรลของออสเตรีย และนําร่างนั้นมาไว้ที่เมืองโบลซาโนเรียกกันว่ามนุษย์หิมะแห่งโบลซาโน ที่เป็นข่าวไปทั่วโลก
คํ่า รับประทานอาหารคํ่า ณ ภัตตาคาร
ที่พัก FOUR POINT HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนําท่านเดินชมเมืองเก่า ชมวิหาร DUOMO โบสถ์ CHIESA DEI DOMENICAN และอนุสาวรีย์ที่จัตุรัส กลางเมือง PIAZZA DELLE ERBE แถบถนนคนเดิน PIAZZA WALTHER และ ย่านอาเขตโบลซาโน ให้ท่านได้เดินเล่นชมเมือง… จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมืองออร์ติเซ่ (ORTISEI) (40 กม.) เมืองแห่งศูนย์กลางของ การท่องเที่ยวในแถบอุทยานโดโลไมท์ ที่อยู่ในหุบเขา มีเทือกเขาล้อมรอบสวยงามยิ่งนัก อสิระใหท้่านพกัผ่อนเพลดิเพลนิ กบัอากาศอนับริสุทธ์ิชมวิวทิวทัศน์สีสวยงามแปลกตา
นําท่าน นั่งกระเช้าขึ้นสู่บนเนินเขาที่เรียกว่า ALPE DI SIUSI นําท่านชมวิวทิวทัศน์บนทุ่งหญ้าราบเลียบบนภูเขา ที่ ได้ขึ้นชื่อว่ากว้างใหญ่ที่สุดในยุโรป ท่านจะได้สัมผัสความงดงามอัน ประหลาดมหัศจรรย์ของดินแดนเทือกเขาโดโลไมท์ จากมุมสูงรอบ ด้าน ชมทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของหุบเขา โตรกผา โดยมีเทือกเขา SASOLUNGO MOUNTAIN RANGE ที่มีรูปทรงประหลาดยอด เขาแหลมชันเป็นจุดเด่นมีเส้นทางเดินลัดเลาะ สู่จุดชมวิวต่างๆ ให้ท่าน มีเวลาเก็บภาพสวยๆ อันประทับใจก่อนท่านจะได้ตื่นตาตื่นใจกับ บรรยากาศสุดที่จะบรรยาย
อิสระให้ท่านเดินเล่น ถ่ายรูปตามอัธยาศัย จากนั้นนําท่านนั่งกระเช้ากลับ ลงสู่ด้านล่าง
*หมายเหตุ : การนงั่กระเชา้หากสภาพอากาศไม่อำนวยหรือมีเหตุขัดข้องไม่สามารถขึ้นได้ทางบริษัทฯ ขอสงวนสทิธ์ิในการงดให้ นั่งกระเช้าเพื่อความปลอดภัย
นําท่านสู่ SECEDA เป็นจุดชมวิวที่พีคที่สุดของโดโลไมต์เลยก็ว่า ได้ ซึ่งจุดนี้จะเห็นยอดเนินคล้ายเปลวไฟที่แข็งเป็นหิน จึงมีคนตั้ง สมยานามว่า FLAME FROZEN IN STONE เป็นทุ่งหญ้าลาด เอียง สวยอลังการสมคําลํ่าลือ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนําท่าน ชมทะเลสาบเบรียส (BRAIES) (90 กม.) ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติFANES SENNES BRAIES เขตป่าสงวนที่ใหญ่ที่สุดใจกลางเทือกเขาโดโลไมท์ ...อิสระถ่ายภาพความงดงามของทะเลสาบ ซึ่งว่ากันว่าที่นี่เป็น ประตูสู่ดินแดนใต้พิภพตามตํานาน ทุกๆร้อยปีในคืนพระจันทร์เต็มดวงเจ้าหญิงในตํานานจะออกมาจากเนินเขา SASS DIA PORTA ภาษาลาตินหมายถึง ประตู บนภูเขา ทรงพายเรือรอบๆทะเลสาบพร้อมส่งเสียง แตรที่ดังกึกก้องไปทั่วเทือกเขาโดโลไมท์
คํ่า รับประทานอาหารคํ่า ณ ภัตตาคาร
ที่พัก LEONARDO VENORA HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นําท่านเดินทางสู่ เมืองเวโรนา (VERONA) (209 กม.) อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี เป็นเมืองที่ใหญ่และ สําคัญเป็นอันดับสองในแคว้นเวเนโต รองจากเมืองเวนิส …ได้รับสมญานามว่า LITTLE ROMAN เพราะยังคง สภาพสิ่งก่อสร้างจากสมัย โรมันไว้อย่างสมบูรณ์ เป็นเมืองที่สมญานามว่า “LITTLE ROMAN” เพราะยังคงสภาพ สิ่งก่อสร้างจากสมัย โรมันไว้อย่างสมบูรณ์ เป็นเมืองที่ มากไปด้วยกลิ่นอายแห่ง ศิลปะและวัฒนธรรม เป็นเมือง ขนาดกะทัดรัด อบอุ่น ล้อมรอบด้วยสายนํ้า ในปีค.ศ. 2000 องค์การ การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่ง สหประชาชาติก็ประกาศให้เวโรนาเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นําท่าน ถ่ายภาพด้านนอก VERONA ARENA โรงละครกลางแจ้งแบบโรมัน ลักษณะเหมือนโคลอสเซี่ยมที่โรมแต่ ขนาดเล็กกว่า นอกจากนี้ เวโรนาเป็นเมืองแห่งความรัก ที่มีเรื่องราวความรักระหว่างหนุ่มสาวของสองตระกูลผู้ ยิ่งใหญ่ มองตากิว(โรมีโอ) และ คาปูเล็ต (จูเลียต) ยิ่งเมื่อ วิลเลี่ยมเชคสเปียร์ เอาเรื่องราวของโรมิโอกับจูเลียต มาเขียนเป็นบทละครเวที ชื่อเสียงของ โรมีโอ จูเลียต และ เวโรนา ก็โด่งดังมากขึ้น และดึงดูดให้นักท่องเที่ยว นําท่าน ชมภายนอกบ้านของจูเลียต (CASA DI GIULIETTA) คือบ้านเลขที่ 27 ถนน VIA CAPPELLO CASA DI GIULIETTA ซึ่งแท้จริงแล้วบ้านหลังนี้ เคย เป็นของตระกูล CAPPELLO เป็นความบังเอิญที่ชื่อตระกูลคล้ายคลึงกับตระกูล CAPULET ของจูเลียต แต่ด้วยความที่กระแสของละครดัง คนก็เลยอินจัดเมืองนี้ ก็เลยถูกพัฒนาให้เป็นที่ท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามบ้านหลังนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และได้เมืองนี้ก็เลยถูกพัฒนาให้เป็นที่ท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามบ้านหลังนี้สร้าง ขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่13 และได้ทําการปรับปรุงใหม่ในศตวรรษที่ 20 โดยเพิ่ม ระเบียงซึ่งเป็นที่ที่โรมิโอสารภาพรักกับจูเลียตในบทประพันธ์อีกทั้งยังเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทําให้หญิง สาวจากทั่วโลกพา กันมาที่นี่ ยืนริมระเบียงแห่งนี้ และดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เขียนขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อนเพื่อจินตนาการถึงโรมิโอของ พวกเธอ…
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมืองเวนิส (VENICE) (120 กม.) หนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในอิตาลี เป็นเมืองที่รู้จักกันใน ด้านของความเจริญรุ่งเรืองทางประวัติศาสตร์ และศิลปะที่ได้รับหลายฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก (QUEEN OF THE ADRIATIC) เมืองแห่งสายนํ้า (CITY OF WATER) เมืองแห่งสะพาน (CITY OF BRIDGES) และ เมืองแห่งแสงสว่าง (THE CITY OF LIGHT) อีกทั้งยังเป็นเมืองที่โรแมนติกเมืองหนึ่งในยุโรปที่ไม่เหมือนเมืองใด ในโลกไม่มีการอนุญาตให้รื้อสิ่งก่อสร้างเก่า ไม่มีรถยนต์มีแต่เรือที่จํากัดไม่ให้เสียงดัง ดังนั้นทั่วโลกจึงหลงใหลมนต์เสน่ห์อันสุนทรีย์ของเวนิชตลอดมา... จากนั้นนําท่าน ล่องเรือสู่ เกาะเวนิส ...ชมจัตุรัสซานมาร์โค จัตุรัสที่สวยงามที่สุดในอิตาลี ผ่านชมมหาวิหาซานมาร์โค พระราชวังดอจสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่มากว่า 800 ปีมาแล้วเมื่อสมัยเวนิชยังเป็น สาธารณะรัฐอิสระซึ่งเคยรํ่ารวย และมี อํานาจมหาศาล และเคยส่งให้มาร์โคโปโลเดินทางไปเมืองจีน...อิสระช้อปปิ้งตามอัธยาศัย (ท่านใดต้องการนั่งเรือกอนโดล่า กรุณาแจ้งหัวหน้าทัวร์ล่วงหน้า ค่าเรือท่านละ 20 ยูโร นั่งได้ 6 ท่าน)
แล้วนําท่านกลับสู่ฝั่งเมืองเวนิส เพื่อเดินทางสู่ เมืองโบโลญญ่า (BOLOGNA) (154 กม.) เมืองประวัติศาสตร์ที่มีชื่อ เสียงทางด้านท่องเที่ยวและเป็นเมืองหลวงของแคว้น เอมีเลีย-โรมัญญา (EMILIA-ROMAGNA) เป็น 1ใน 20 แคว้นของประเทศอิตาลีโดยตัวเมืองนั้นตั่งอยู่ในหุบเขาโป ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลโดยตั้งอยู่ระหว่างแม่นํ้า โป กับ เทือกเขาแอเพนไนน์ยังเป็นหนึ่งในเมืองยุคกลางที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป…
คํ่า รับประทานอาหารคํ่า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก AC HOTEL BY MARRIOTT BOLOGNA หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นําท่านเดินทางสู่ เมืองฟลอเรนซ์(FLORENCE) (112 กม.) เมืองแห่งดอกไม้บาน ตํานานแห่งบ้านเกิดของศิลปินชื่อ ดังก้องโลก เช่น ลีโอนาร์โด ดาร์วินชี ไมเคิล แองเจโล และท่านศิลป์พีระศรี อดีตเป็นเมืองหลวงเก่าของอิตาลีก่อนจะ ย้ายไปอยู่กรุงโรม เมืองที่มีความเจริญมั่งคั่งทางการค้าและเศรษฐกิจ เป็นเมืองที่มีความ สวยงามจนท่านจะหลงใหล และถือเป็นเมืองต้นกําเนิดศิลปะ แบบเรเนอซองส์อีกด้วย
นําท่าน ชมย่านเมืองเก่า ชมดูโอโม่ประจําเมืองที่มีความ งดงามตามแบบเรเนอซองส์ สะพานแวคคิโอสัญลักษณ์ของเมืองฟลอเร้นซ์เดินผ่านร้านค้า และสินค้าที่วางขายอยู่มากมายที่ล่อตาล่อใจจนท่านอดใจ ไม่ได้ จัตุรัสซิญญอเรีย และรูปปั้นของเดวิด ชายหนุ่มรูปงาม ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในตํานานสัญลักษณ์ของการปลดปล่อย เสรีภาพ ที่แวดล้อมไปด้วย สถาปัตยกรรมชิ้นสําคัญต่างๆมากมายจนได้ฉายาว่าเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง จัตุรัสซานตาโกรเช่ สถานที่ฝังศพของไมเคิลแองเจโล
นําท่าน ถ่ายภาพกับจอตโต แคมพานีลี (GIOTTO’S CAMPANILE) หรือจอตโต เบลทาวเวอร์ (GIOTTO’S BELL TOWER) หอระฆังที่เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิหารฟลอเรนซ์ ถูกสร้าง ขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมโกธิค ด้วยความสูงประมาณ 84.7 เมตร (277.9 ฟุต) ตัวหอคอยถูกตกแต่งด้วยรูปปั้น รูปแกะสลักอย่างงดงาม และไม่ไกลจากกันนักจะเป็นที่ตั้งของหอทําพิธีศีลจุ่ม (FLORENCE BAPTISTERY) เป็น อาคารทางศาสนาที่มีสถานะเป็นโบสถ์ขนาดเล็กเป็นหนึ่งในอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง โดยหอแห่งนี้ถูกสร้างขึ้น ในช่วงระหว่างปี1059 – 1128 อิสระให้ท่านชมเมือง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมืองปิซ่า (PISA) (110 กม.) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใน แคว้นทัสคานี ริมฝั่งทะเลใกล้ปากแม่นํ้าอาร์โนที่ไหลมาจากเมืองฟลอเรนซ์ รุ่งเรือง สูงสุดในช่วงศตวรรษที่ 11-12 เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว . นําท่าน ชมหอเอนเมืองปิซ่า (LEANING TOWER OF PISA) ที่ขึ้นชื่อในด้าน ความสัมพันธ์ของการสร้างกับแรงโน้มถ่วงของตัวอาคารที่สมดุลกันโดยบังเอิญ จนได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยกลางและเป็นสัญลักษณ์ อย่างหนึ่งของอิตาลี...
คํ่า รับประทานอาหารคํ่า ณ ภัตตาคาร
ที่พัก NH PIZA HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นําท่านเดินทางสู่ กรุงโรม (ROME) (370 กม.) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ที่มีทั้งความเก่าและความ ใหม่ซ้อนแทรกอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน ตั้งอยู่บนแคว้นลาซิโอ (LAZIO) ตรงช่วงกลางของประเทศมีแม่นํ้าไทเบอร์ (TIBER) ไหลผ่านกลางเมือง โรมจึงถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน สถานที่สําคัญ และเมืองเก่าโรมันจะอยู่ทางฝั่งขวาของ แม่นํ้าส่วนฝั่งซ้ายเป็นรัฐวาติกัน และเขตทราสเตเวเร (TRASTEVERE) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มีฐานะ และปัจจุบัน เป็นแหล่งร้านอาหาร และคาเฟ่แบบเก๋ๆ ทันสมัย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมืองซอร์เรนโต้ (SORRENTO) (160 กม.) ที่มาของเพลง คัมแบค ทู ซอร์เรนโต้และ เป็นบ้านเกิดของเอนริโก คารูโซ (ENRICO CARUSO) นักร้องโอเปราชื่อดัง เป็นเมืองในฝันที่งดงามลํ้าเลิศ เมืองที่ มีทัศนียภาพสวยงาม โดยเฉพาะเวลาตอนที่พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า … นําท่าน ชมเมืองซอร์เรนโต้เมืองตากอากาศเล็กๆ ริมอ่าวเนเปิ้ล แต่ชื่อเสียงของเมืองในฐานะเมืองท่องเที่ยวของ อิตาลีนั้นไม่ได้เล็กตามขนาดของเมือง ตัวเมืองตั้งอยู่บนหน้าผาสูง และไล่ระดับลงมาตามความลาดชันจนลงมาถึง ระนาบเดียวกันกับหาดทรายสีเทาที่ได้รับการจัดระเบียบไว้อย่างเรียบร้อย และมีชายฝั่ง Amalfi ที่เลียบริมทะเลไป ตามหน้าผายาวถึง 50 กม
นําท่าน ชมจัตุรัสทาซโซ่ (PIAZZA TASSO) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง เป็นจัตุรัสที่เต็มไปด้วยสีสันของร้านรวงที่ตั้ง เรียงรายตลอดสองข้างทางของถนนสายที่ได้ชื่อว่าเป็นช้อปปิ้ง สตรีทอันมีชื่อเสียงของเมืองซอร์เรนโต้ พร้อมทั้งยังได้ชมวิถีชีวิต ของผู้คนพื้นเมืองที่นิยมมานั่งจิบกาแฟ หรือมานั่งพูดคุย สังสรรค์กันในร้านอาหาร นําท่านชมบริเวณโดยรอบจัตุรัสทาซโซ่ที่เต็มไปด้วยโบสถ์ วิหารที่มีความโดดเด่นงดงามเป็นเอกลักษณ์ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบบารอค อิสระท่าน เดินเล่นชมเมืองหรือเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
คํ่า รับประทานอาหารคํ่า ณ ภัตตาคาร
ที่พัก MICHELANGELO HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นําท่านเดินทางสู่ เมืองเปสตุม (PAESTUM) (95 กม.) เป็นแหล่งโบราณคดีเก่าแก่สมัยกรีกโบราณ ชื่อเดิมแบบกรีก คือ POSEIDONIA ก่อตั้งในช่วง 600 ปีก่อนคริสตกาล ... นําท่าน ชมแหล่งโบราณคดีซึ่งเป็นซากปรักหักพังของวิหาร 3 หลัง คือ วิหารอธีน่า, วิหารเฮร่า และวิหารโพไซดอน โดยวิหารอธีน่ามีขนาดเล็กที่สุด และตั้งอยู่โดดเดี่ยว ส่วนอีกสองวิหารอยู่คู่กัน วิหารเฮร่า หรือ BASILICA ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในบรรดาวิหารทั้งสามซึ่งยังคงอยู่ ในสภาพที่ดี จนเป็นสถาปัตยกรรมของอาณานิคมกรีกในศตวรรษที่ 6 ที่ สมบูรณ์แบบที่สุด นอกจากวิหารแล้ว ยังมีซากอาคารบ้านเรือนรวมถึงพื้น กระเบื้องโมเสคชิ้นเล็กๆ, AMPHITHEATRE ขนาดเล็ก, FORUM และอื่นๆ…
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนําท่านเดินสู่ เมืองมาเทรา (MATERA) (185 กม.) เมืองโบราณเล็กๆ ทางตอนใต้ของอิตาลีมีความสําคัญ ทางประวัติศาสตร์ ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นบาซีลีกาตา (BASILICATA) ของประเทศอิตาลี ได้รับขนานนามว่า เป็นเมืองใต้ดินหรือ เมืองมนุษย์ถํ้า เมืองนี้สร้างอยู่ในหิน และผู้คนอาศัยอยู่ในบ้านหินโบราณที่เป็นถํ้าที่เรียกว่า ซาสซี (SASSI) มานานหลายศตวรรษ ซึ่งองค์การ ยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นมรดกโลก… จากนั้นนําท่าน ชมเมืองมาเทรา เมืองนี้จะมีสองส่วนคือส่วนเมืองเก่าและส่วนเมืองใหม่ที่รัฐบาลพยายามอพยพผู้คน ให้มาอยู่ที่เมืองใหม่ แต่ก็ยังมีพลเมืองบางส่วนยังคงอาศัยอยู่ในถํ้าหินของเมือง เก่า ชมย่านเมืองเก่า สัมผัสชีวิตท่ามกลางเขาวงกตที่มีทางเดินขนาดเล็กที่ปูด้วย หิน บันไดสูงชัน และถนนที่คดเคี้ยวตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยอาคาร บ้านเรือนอันแสนเก่าแก่ ไม่มีสถาปัตยกรรม หรือพระราช วังที่สวยงามใดๆ มีแต่ บ้านช่องที่มีอยู่ตามถํ้าที่เรียกกันว่า ซาสซี (SASSI) และ โบสถ์รูเปสเตรียน ที่ขุด ไว้ ตามโขดหินในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยูเนสโกได้กําหนด ให้เป็นถิ่นฐานที่มี วัฒนธรรมที่ควรเก็บรักษาจนได้ขึ้นเป็นมรดกโลก
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมืองอัลเบโรเบลโล (ALBEROBELLO) (70 กม.) ตั้งอยู่ใน แคว้นยาทางทิศตะวัน ออก เฉียงใต้ของอิตาลี เป็นเมืองที่อยู่เกือบปลายเกือกของอิตาลี จึงมีทะเลล้อมรอบอยู่ใกล้ๆให้เป็นถิ่นฐานที่มี วัฒนธรรมที่ควรเก็บรักษาจนได้ขึ้นเป็นมรดกโลก…. จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมืองอัลเบโรเบลโล (ALBEROBELLO) (70 กม.) ตั้งอยู่ใน แคว้นยาทางทิศตะวัน ออก เฉียงใต้ของอิตาลี เป็นเมืองที่อยู่เกือบปลายเกือกของอิตาลี จึงมีทะเลล้อมรอบอยู่ใกล้ๆ
นําท่าน ชมหมู่บ้านกระโจมหิน (TRULLI VILLAGE) หมู่บ้านเก่าแก่ รูปทรงแปลกตา มีเอกลักษณ์ทางด้าน สถาปัตยกรรมซึ่งมีหลังคา บ้านเป็นรูปทรงกรวยเกือบ ทุกหลัง การที่มีรูปทรงแบบ นี้ ที่จริงก็มีเค้าโครงมาตั้งแต่ สมัยโบราณ เพราะเป็นบ้านที่ มีวิวัฒนาการ การตั้งถิ่นฐาน ของคนแถบ GREECE, EGYPT, SARDINIA AND SICILY รอบๆทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีการตั้งบ้านเรือน แบบนี้มาตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 14-15 การที่บ้านเมืองดู โบราณๆนั้น เพราะวัสดุที่ใช้สร้างบ้านเขาใช้วัสดุจาก ธรรมชาติ ที่หาได้รอบๆนั่นเอง และการก่อสร้างก็ง่ายๆ ไม่สลับซับซ้อน แต่ก็ยังไม่วายมีตํานาน เกี่ยวกับการ ก่อสร้างรูปแบบนี้ว่า เกิดจากการตั้งกฎของ COUNT OF CONVERSANO ที่เป็นผู้มีอํานาจในการควบคุมการก่อสร้างในสมัยก่อน เขาออกกฎให้การก่อสร้างในยุคนั้น ใช้หินเรียงซ้อนกัน โดยไม่ใช้ปูนก่อเพื่อให้ง่ายต่อการรื้อถอน เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ บ้านแถบเมดิเตอร์เรเนียนนี้คือ การใช้สีง่ายๆ ด้วยสีขาวเพียงสีเดียว ไม่นิยมความแตกต่างโดดเด่นที่ต้องไม่เหมือน ใคร
คํ่า รับประทานอาหารคํ่า ณ ภัตตาคาร
ที่พัก TRULLI HOLIDAY หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมืองปอมเปอี(POMPEI) (325 กม.) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรอิตาลีบริเวณริมอ่าว เนเปิลส์ เมื่อ 2,000 กว่าปีก่อน ปอมเปอีเป็นเมืองเก่าที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมาก ในยุคก่อนคริสต์ศักราชเมืองปอมเปอี นี้อยู่ภายใต้อิทธิพลของกรีกเรื่อยมา กระทั่งราว 80 ปี ก่อนคริสต์ศักราชจึงถูกยึดครองเป็นอาณานิคมของ อาณาจักรโรมัน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นําท่าน ชมเมืองโบราณปอมเปอีที่ถูกปกคลุมไว้ด้วย ลาวาเมื่อครั้งเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ของภูเขาไฟวิสุเวียส (MT.VESUVIUS) ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 622 ซึ่งลาวา ที่ทับถมกันนั้นหนาถึง 6 – 7 เมตร ทําให้เมืองนี้หายไปทั่วเมือง ปัจจุบันมีการขุดค้นพบ 3 ใน 4 ส่วนของเมือง ทั้งหมด จากการตั้งใจขุดค้นซากที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ของผู้คน สัตว์เลี้ยงต่างๆ ที่เหมือนถูกหยุดอยู่กับที่ ผ่านกาลเวลาอันยาวนาน ที่ยังบ่งบอกถึงความเจริญในยุคนั้นได้เป็นอย่างดีว่าเคยมีฐานะเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่แน่น ขนัดไปด้วยร้านค้าตลาดและห้องแถว สนามกีฬา โรงละคร วิหาร โรงอาบนํ้าสาธารณะ หอนางโลม โรงแรมหลังจากการขุดสํารวจ ภาพชีวิตของชาวโรมันกว่าสองพันปีได้ปรากฏแก่สาธารณะชน เชิญสัมผัสได้ถึงชีวิตที่หรูหราในปอมเป อี และพลังอํานาจของธรรมชาติ ที่ไม่มีใครคาดคิดและไม่อาจหลีกหนีได้ทัน ด้วยความมหัศจรรย์ของปอมเปอีทําให้ เมืองแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมื่อปี1997 นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นหนึ่งใน จุดหมายปลายทางยอดนิยมของประเทศอิตาลี ที่มีผู้มาเยือนมากกว่า 2 ล้านคนต่อปี
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ กรุงโรม (ROME) (245 กม.)... เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ที่มีทั้งความเก่า และความใหม่ซ้อนแทรกอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน ตั้งอยู่บนแคว้นลาซิโอ (LAZIO) ตรงช่วงกลางของประเทศมี แม่นํ้าไทเบอร์ (TIBER) ไหลผ่านกลางเมือง โรมจึงถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน สถานที่สําคัญและเมืองเก่าโรมันจะอยู่ ทางฝั่งขวาของแม่นํ้า ส่วนฝั่งซ้ายเป็นรัฐวาติกันและเขตทราสเตเวเร (TRASTEVERE) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มี ฐานะ และปัจจุบันเป็นแหล่งร้านอาหารและคาเฟ่แบบเก๋ๆทันสมัย
คํ่า รับประทานอาหารคํ่า ณ ห้องอาหารโรงแรม
ที่พัก NH HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นําท่านเข้าสู่ นครวาติกัน รัฐอิสระที่ปกครองตนเอง เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เข้าชม ความงดงามตระการตาของ มหา วิหารเซนต์ปีเตอร์ สถาปัตยกรรมลํ้าค่าที่สุดแห่ง หนึ่งของโลกซึ่งตกแต่งอย่างโอ่อ่า หรูหรา ชมรูปปั้นแกะสลัก เพียต้า ผลงานของศิลปินเอก ไม เคิลแองเจโล เสาพลับพลาที่ออกแบบโดย เบอร์นินีและยอดโดมขนาดใหญ่ซึ่งปัจจุบันเป็นสิ่งลํ้าค่าคู่บ้านคู่เมืองของ อิตาลี
จากนั้นถ่ายรูปที่ระลึกด้านหน้าสนามกีฬาโคลอสเซียม โบราณสถานเก่าแก่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เคยเป็น สนามกีฬายักษ์ที่สามารถจุคนได้กว่า 50,000 คน และ ประตูชัยคอนสแตนติน สัญลักษณ์แห่งชัยชนะและที่มาของ ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม …ชม นํ้าพุเทรวี่ จุดกําเนิดของเสียงเพลง ทรีคอยน์ออฟเดอร์ฟาวด์เท่น ที่โด่งดัง ชมความ สวยงามของงานประติมากรรมหินอ่อนแบบบาร็อค ซึ่งเป็นเรื่องราวของเทพมหาสมุทร ตามตํานานกล่าวไว้ว่าหากใคร ได้มาถึงนํ้าพุแห่งนี้แล้วโยนเหรียญอธิษฐานทิ้งไว้จะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้งหนึ่ง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นําท่านสู่ ย่านบันไดสเปน แหล่งพักผ่อนของชาวอิตาลีซึ่งเต็มไป ด้วยนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อ ชาติ...อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้า แบรนด์เนมกันอย่างเต็มที่
คํ่า รับประทานอาหารคํ่า ณ ภัตตาคาร
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
10:00 น. นําท่านเดินทางสู่ สนามบิน เพื่อออกเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย
15:10 น. (เวลาท้องถิ่น) ออกเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย โดย สายการบินเอมิเรตส์เที่ยวบินที่ EK98/EK384 *เปลี่ยนเครื่องที่เมืองดูไบ : 2350-0305
1. ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ (Economy Class) + ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งตามรายการ ที่ระบุวันเดินทางไปกลับพร้อมกรุ๊ปเท่านั้น
2. ค่ารถโค้ชปรับอากาศนําเที่ยวตามรายการ วันละ 12 ชม. ตามกฎหมายยุโรป
3. ค่าห้องพักในโรงแรมที่ระบุตามรายการหรือเทียบเท่า 4 ดาว (พักห้องละ 2 ท่าน) จํานวน 9 คืน พร้อมอาหารเช้า
4. ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ
5. ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการ
6. ค่าวีซ่าเชงเก้น (หากสถานทูตได้กําหนดการยื่นวีซ่าเป็นคณะแล้ว ท่านใดไม่สามารถมาตามกําหนดได้ กรณีถ้ามีค่าใช้จ่าย เกิดขึ้น ท่านละ 500.- บาท ลูกค้าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเท่านั้น)
7. ค่าประกันภัยการเดินทางรายบุคคล (หากต้องการเงื่อนไขกรมธรรม์สอบถามได้จากเจ้าหน้าที่)
8. ค่ามัคคุเทศก์ (ไกด์คนไทย) ของบริษัทฯ ดูแลตลอดการเดินทาง
9. ค่าทิปทุก ๆ อย่างรวมหมด ลูกค้าไม่ต้องจ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
1. ค่าธรรมเนียมจัดทําหนังสือเดินทาง , แจ้งเข้าแจ้งออกสําหรับผู้ที่ไม่ได้ถือหนังสือเดินทางของไทย
2. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิเช่น ค่าเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษ, ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าธรรมเนียมหนังสือเดินทาง, ค่านํ้าหนักเกิน จากทางสายการบินกําหนดเกินกว่า 25 กก.และมากกว่า 1 ชิ้น, ค่ารักษาพยาบาล กรณีเกิดการเจ็บป่วยจากโรคประจําตัว, ค่ากระเป๋าเดินทางหรือของมีค่าที่สูญหายในระหว่างการเดินทาง เป็นต้น 3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% ในกรณีที่ต้องการใบกํากับภาษีเฉพาะค่าบริการ
4. ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่น ๆ เช่น ค่าโทรศัพท์,ค่าซักรีด,มินิบาร์และทีวีช่องพิเศษฯลฯ ค่าอาหารและเครื่องดื่มสั่งพิเศษค่าบริการพิเศษ ต่าง ๆ
5. ค่าบริการยกกระเป๋าในโรงแรม ซึ่งท่านจะต้องดูแลกระเป๋าและทรัพย์สินด้วยตัวท่านเอง
6. ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เกี่ยวกับโควิด
- บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ในการที่จะไม่รับผิดชอบต่อค่าชดเชยความเสียหาย อันเกิดจากเหตุสุดวิสัยที่ทาง บริษัทฯ ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น การนัดหยุดงาน, จลาจล, การล่าช้าหรือยกเลิกของเที่ยวบิน รวมถึงกรณีที่กองตรวจคนเข้าเมืองไม่อนุญาตให้เดินทางออกหรือกอง ตรวจคนเข้าเมืองของแต่ละประเทศไม่อนุญาตให้เข้าเมือง รวมทั้งในกรณีที่ท่านจะใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ําเงิน) เดินทางหาก ท่านถูกปฏิเสธการเดินทางเข้าหรือออกนอกประเทศใดประเทศหนึ่ง
- บริษัทฯสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมรายการท่องเที่ยว โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
- บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าบริการ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเมื่อท่านทําการซื้อโปรแกรมทัวร์ ทางบริษัทฯ จะถือว่าท่านรับทราบและยอมรับเงื่อนไขของหมายเหตุทุกข้อแล้ว ในกรณีที่ลูกค้าต้อง ออกตั๋วโดยสารภายในประเทศ ....กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ก่อนทุกครั้ง มิฉะนั้นทางบริษัทฯจะไม่ขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โปรแกรมและรายละเอียดของการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศ
และเหตุสุดวิสัยต่าง ๆ ที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าโดยทางบริษัทฯ จะคํานึงถึงผลประโยชน์และความปลอดภัยของผู้ร่วมเดินทาง เป็นสําคัญ.....
- หลังจากที่มีการจองทัวร์และได้ชําระค่ามัดจําทัวร์หรือทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการชําระผ่านตัวแทนของบริษัทหรือชําระโดยตรงกับ ทางบริษัท ทางบริษัทจะขอถือว่าท่านรับทราบและยอมรับในเงื่อนไขต่างๆของบริษัท ที่ได้ระบุไว้ทั้งหมด
- นั่งที่ Long Leg โดยปกติอยู่บริเวณทางออกประตูฉุกเฉิน และผู้ที่จะนั่งต้องมีคุณสมบัติตรงตามที่สายการบินกําหนด เช่น ต้องเป็นผู้ ที่มีร่างกายแข็งแรง และช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่เครื่องบินมีปัญหา เช่น สามารถเปิดประตูฉุกเฉินได้ (น้ําหนักประมาณ20 กิโลกรัม) ไม่ใช่ผู้ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพและร่างกายและอํานาจในการให้ที่นั่ง Long leg ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่เช็คอินสายการบิน ตอนเวลาที่เช็คอินเท่านั้น
39/66 ซอยเคหะร่มเกล้า 82 แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10240